ปฏิบัติการทลายนอมินีจีน: การฮุบที่ดินระยองและธุรกิจคอนโดหรูมูลค่า 2,000 ล้านบาท

ข่าวด่วนวันนี้ (ข่าวทั่วไทย)

วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ณ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) การประชุมแถลงข่าวครั้งสำคัญได้เกิดขึ้นภายใต้การนำของ พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ผบก.ปอศ.) และ พ.ต.อ.กริช วรทัต ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ผกก.4 บก.ปอศ.) ร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อเปิดเผยความสำเร็จของปฏิบัติการ “CIB Nominee Sweep Episode 3” ซึ่งเป็นการทลายเครือข่ายนอมินีสัญชาติจีนที่แอบแฝงเข้ามาครอบครองที่ดินและดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มูลค่ามหาศาลในประเทศไทย

การสืบสวนและการค้นพบ

ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นผลมาจากการสืบสวนเชิงลึกของเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ก. ร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ที่ได้ตรวจพบความผิดปกติในการจดทะเบียนธุรกิจของกลุ่มบริษัทที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ บริษัท กู๊ดวิวฯ จำกัด สัญชาติฮ่องกง บริษัท เทอร์ร่าฯ จำกัด บริษัท สกายฯ จำกัด และบริษัท โอเชียนฯ จำกัด ซึ่งทั้งสามบริษัทหลังมีสัญชาติไทย โดยบริษัทเหล่านี้ได้จดทะเบียนในช่วงปี 2566-2567 ด้วยวัตถุประสงค์ที่ระบุว่าเพื่อผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง รวมถึงดำเนินกิจการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์

ผลการสืบสวนพบว่า บริษัทเหล่านี้ใช้พนักงานฝ่ายขาย และคนขับรถตักดิน มาถือหุ้นและเป็นกรรมการบริษัทในลักษณะที่เรียกว่า “นอมินี” (Nominee) โดยบุคคลเหล่านี้ไม่ได้มีการลงทุนจริงและไม่มีบทบาทในการบริหารงานแต่อย่างใด แต่เป็นเพียงตัวแทนที่ถูกใช้เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดทางกฎหมายในการถือครองที่ดินและประกอบธุรกิจของคนต่างชาติในประเทศไทย

การขยายอาณาจักรธุรกิจและมูลค่าโครงการ

หลังจากการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเสร็จสิ้น กลุ่มบริษัทดังกล่าวได้เริ่มกว้านซื้อที่ดินในพื้นที่อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง และอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี รวมทั้งสิ้น 7 แปลง มีเนื้อที่รวมมากกว่า 72 ไร่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างที่ตั้งบริษัทและพัฒนาโครงการที่พักอาศัยขนาดใหญ่

โครงการที่พักอาศัยดังกล่าวได้รับการออกแบบให้เป็นอาคารชุดความสูง 8 ชั้น จำนวน 10 อาคาร ประกอบด้วยห้องพักอาศัยมากกว่า 1,821 ห้อง คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมมากกว่า 2,000 ล้านบาท ปัจจุบันโครงการยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างและยังไม่แล้วเสร็จ

การปฏิบัติการตรวจค้นและของกลางที่ยึดได้

เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (กก.4 บก.ปอศ.) ได้นำหมายค้นเข้าทำการตรวจค้นบริษัทพร้อมกันทั้ง 3 จุด ในจังหวัดระยองและชลบุรี ซึ่งผลการตรวจค้นสามารถยึดหลักฐานสำคัญได้ดังนี้

  1. โฉนดที่ดินจำนวน 7 แปลง มูลค่าประมาณ 36 ล้านบาท
  2. สมุดบัญชีธนาคารทั้งของไทยและจีน จำนวน 48 เล่ม มียอดเงินรวมประมาณ 72 ล้านบาท
  3. ตราประทับบริษัท จำนวน 6 ชิ้น
  4. เอกสารหลักฐานการทำธุรกรรมทางการเงินและเอกสารสำคัญอื่นๆ

การสอบสวนและการให้ปากคำของพยาน

การสอบสวนกรรมการบริษัท พนักงานคนไทย และแรงงานชาวจีน รวมทั้งสิ้น 14 ราย ทำให้ได้ข้อมูลสำคัญเพิ่มเติม โดยพยานที่เป็นพนักงานของบริษัทได้ให้การยืนยันว่า บริษัทถูกบริหารโดยบุคคลสัญชาติจีนแทบทั้งหมด และมีการนำชื่อพนักงานคนไทยไปใช้เป็นผู้ถือหุ้นแทนคนจีนที่เป็นเจ้าของที่แท้จริง

คำให้การนี้สอดคล้องกับหลักฐานที่พบว่า กลุ่มบริษัทดังกล่าวได้ส่งตัวแทนชาวจีนเข้ามาควบคุมและสั่งการในทุกขั้นตอน ทั้งในด้านการบริหารและการดำเนินงานก่อสร้างของบริษัท มีการดำเนินกิจการและการครอบงำจากนายทุนชาวจีนแบบครบวงจร

นอกจากนี้ ยังพบว่าบริษัทได้ตั้งโรงงานผลิตคอนกรีตเป็นของตนเองเพื่อนำมาใช้ในการก่อสร้างโครงการที่พักอาศัย โดยใช้บุคลากรชาวจีนในทุกตำแหน่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นวิศวกรควบคุมงาน ผู้ออกแบบ ช่างวางระบบไฟฟ้า ระบบประปา รวมไปถึงแรงงานกรรมกรทั่วไป

การตรวจสอบเส้นทางการเงิน

จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของบริษัทพบข้อมูลที่น่าสนใจว่า มีการรับโอนเงินจากบริษัทนายทุนจีนซึ่งจดทะเบียนอยู่ที่เขตบริหารพิเศษฮ่องกง โดยพบว่ามีเงินหมุนเวียนในบัญชีของบริษัทมากกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงกับแหล่งเงินทุนจากต่างประเทศ

ผู้ต้องหาและข้อกล่าวหา

ในการปฏิบัติการครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีกับบุคคลและนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

  • กรรมการบริษัทและผู้ถือหุ้นชาวจีนและไทย จำนวน 5 ราย
  • ผู้ออกแบบ จำนวน 2 ราย
  • ผู้ควบคุมงาน จำนวน 2 ราย
  • ช่างปูนและช่างประปาชาวจีน จำนวน 2 ราย
  • บริษัทสัญชาติฮ่องกง จำนวน 1 แห่ง
  • บริษัทสัญชาติไทย จำนวน 1 แห่ง

โดยผู้ต้องหาทั้งหมดถูกดำเนินคดีในความผิดตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 และพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 ซึ่งมีโทษทั้งจำคุกและปรับ

การดำเนินการขั้นต่อไป

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน (พงส.) เพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย และมีแผนที่จะขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องรายอื่นๆ ต่อไป

นอกจากนี้ ยังมีการตรวจสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครือข่ายธุรกิจอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้องกับกลุ่มนายทุนชาวจีนกลุ่มนี้ เพื่อป้องกันการแทรกแซงทางเศรษฐกิจและการหลีกเลี่ยงกฎหมายในรูปแบบอื่นๆ

ผลกระทบและความสำคัญของปฏิบัติการ

ปฏิบัติการ “CIB Nominee Sweep Episode 3” นี้ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายไทยในการปราบปรามการใช้นอมินีของชาวต่างชาติเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดทางกฎหมายในการประกอบธุรกิจและถือครองที่ดินในประเทศไทย

การกระทำดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นการละเมิดกฎหมายเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากเป็นการเข้าครอบครองทรัพยากรสำคัญอย่างที่ดินโดยไม่ผ่านกระบวนการตรวจสอบและควบคุมตามกฎหมาย อีกทั้งยังเป็นการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมกับผู้ประกอบการไทยที่ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ทางการไทยยังคงเดินหน้าติดตามและปราบปรามการกระทำผิดในลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นย้ำว่าประเทศไทยยินดีต้อนรับการลงทุนจากต่างชาติ แต่ต้องเป็นไปตามกรอบของกฎหมายและเคารพต่อกฎระเบียบของประเทศ

บทสรุป

ปฏิบัติการทลายเครือข่ายนอมินีจีนครั้งนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความพยายามในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่การลงทุนข้ามชาติมีความซับซ้อนมากขึ้น

การตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทั้งชาวไทยและต่างชาติที่ร่วมกันหลีกเลี่ยงกฎหมาย จะช่วยส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าประเทศไทยให้ความสำคัญกับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และพร้อมที่จะปกป้องระบบเศรษฐกิจให้มีความโปร่งใสและเป็นธรรมสำหรับทุกฝ่าย